จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

ข้อมูลจาก พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

(พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน) และ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๖) (ปกสีแดง)

 

จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล

 

เล่ม ๑๑ หน้า ๓๐๙-๓๑๙  (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๒๖๓-๒๗๑ (ปกสีแดง)

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑

 

บางส่วนของ สามัญญผลสูตร

 

จุลศีล

 

          (๑๐๓) มหาบพิตร

อย่างไรภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล

          ๑. ภิกษุในธรรมวินัยนี้

ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์

วางไม้ วางมีด มีความละอายมีความเอ็นดู

มีความกรุณาหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          ๒. เธอละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์

รับแต่ของที่เขาให้ ต้องการแต่ของที่เขาให้

ไม่ประพฤติตนเป็นขโมย เป็นผู้สะอาดอยู่

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          ๓. เธอละกรรมเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์

ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล

เว้นขาดจากเมถุน อันเป็นเรื่องของชาวบ้าน

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          ๔. เธอละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ

พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน

ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๐ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          ๕. เธอละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด

ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น

เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน

หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้

เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน

สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง

ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง

ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีคนผู้พร้อมเพรียงกัน

เพลิดเพลินคนผู้พร้อมเพรียงกัน

กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          ๖. เธอละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ

กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก จับใจ

เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ พอใจ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          ๗. เธอละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ

พูดถูกกาล พูดจริง พูดเป็นอรรถ พูดเป็นธรรม

พูดเป็นวินัย พูดมีหลัก มีที่อ้าง มีที่สุด

ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          ๘. เธอเว้นขาดจากการพรากพืชคาม และภูตคาม.

          ๙. เธอฉันหนเดียว เว้นการฉันในราตรี

งดเว้นการฉันในเวลาวิกาล.

          ๑๐. เธอเว้นขาดจากการฟ้อนรำ

ขับร้อง ประโคมดนตรี

และดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล.

          ๑๑. เธอเว้นขาดจากการทัดทรงประดับ

และตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอม

และเครื่องประเทืองผิว

อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว.

          ๑๒. เธอเว้นขาดจากการนั่งนอน

บนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่.

          ๑๓. เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน.

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๑ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          ๑๔. เธอเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ.

          ๑๕. เธอเว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ.

          ๑๖. เธอเว้นขาดจากการรับสตรี และกุมารี.

          ๑๗. เธอเว้นขาดจากการรับทาสี และทาส.

          ๑๘. เธอเว้นขาดจากการรับแพะ และแกะ.

          ๑๙. เธอเว้นขาดจากการรับไก่ และสุกร.

          ๒๐. เธอเว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา.

          ๒๑. เธอเว้นขาดจากการรับไร่นา และที่ดิน.

          ๒๒. เธอเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรม และการรับใช้.

          ๒๓. เธอเว้นขาดจากการซื้อ การขาย.

          ๒๔. เธอเว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง

การโกงด้วยของปลอมและการโกงด้วยเครื่องตวงวัด.

          ๒๕. เธอเว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง

และการตลบตะแลง.

          ๒๖. เธอเว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ

การตีชิง การปล้น และกรรโชก

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

 

จบจุลศีล

 

มัชฌิมศีล

 

          (๑๐๔) ๑. ภิกษุเว้นขาดจากการพรากพืชคาม และภูตคาม

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังประกอบการพรากพืชคามและภูตคามเห็นปานนี้

คือพืชเกิดแต่

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๒ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

เหง้า พืชเกิดแต่ลำต้น พืชเกิดแต่ผล

พืชเกิดแต่ยอด พืชเกิดแต่เมล็ดเป็นที่ครบห้า

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๐๕) ๒. ภิกษุเว้นขาดจากการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังประกอบการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้เห็นปานนี้ คือ

สะสมข้าว สะสมน้ำ สะสมผ้า สะสมยาน

สะสมที่นอน สะสมของหอม สะสมอามิส

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๐๖) ๓. ภิกษุเว้นขาดจากการดูการเล่น อันเป็นข้าศึกแก่กุศล

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังขวนขวายดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศลเห็นปานนี้ คือ

การฟ้อนรำ การขับร้อง การประโคม มหรสพ มีการรำเป็นต้น

การเล่านิยาย การเล่นปรบมือ การเล่นปลุกผี

การเล่นตีกลอง ฉากบ้านเมืองที่สวยงาม

การเล่นของคนจัณฑาล การเล่นไม้สูง

การเล่นหน้าศพ ชนช้าง ชนม้า ชนกระบือ

ชนโค ชนแพะ ชนแกะ ชนไก่ รบนกกระทา

รำกระบี่กระบอง ชกมวย มวยปล้ำ การรบ

การตรวจพล การจัดกระบวนทัพ กองทัพ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง

          (๑๐๗) ๔. ภิกษุเว้นขาดจากการขวนขวายเล่นการพนัน

อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

เช่นอย่างสมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังขวนขวายเล่นการพนัน

อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเห็นปานนี้ คือ

เล่นหมากรุกแถวละ ๘ ตา แถวละ ๑๐ ตา

เล่นหมากเก็บ เล่นดวด เล่นหมากไหว

เล่นโยนบ่วง เล่นไม้หึ่ง เล่นกำทาย เล่นสกา

เล่นเป่าใบไม้ เล่นไถน้อย ๆ เล่นหกคะเมน

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๓ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

เล่นกังหัน เล่นตวงทราย เล่นรถน้อย ๆ

เล่นธนูน้อย ๆ เล่นเขียนทายกัน

เล่นทายใจ เล่นเลียนคนพิการ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๐๘) ๕. ภิกษุเว้นขาดจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงให้เห็นปานนี้ คือ

เตียงมีเท้าเกินประมาณ เตียงมีเท้าทำเป็นรูปสัตว์ร้าย

ผ้าโกเชาว์ขนยาว เครื่องลาดที่ทำด้วยขนแกะวิจิตรด้วยลวดลาย

เครื่องลาดที่ทำด้วยขนแกะสีขาว

เครื่องลาดที่มีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ เครื่องลาดที่ยัดนุ่น

เครื่องลาดขนแกะวิจิตรด้วยรูปสัตว์ร้าย มีสีหะและเสือเป็นต้น

เครื่องลาดขนแกะมีขนตั้ง เครื่องลาดขนแกะมีขนข้างเดียว

เครื่องลาดทองและเงินแกมไหม เครื่องลาดไหมขลิบทอง

และเครื่องลาดขนแกะจุนางฟ้อน  ๑๖ คน

เครื่องลาดหลังช้าง เครื่องลาดหลังม้า เครื่องลาดในรถ

เครื่องลาดที่ทำด้วยหนังสัตว์ชื่ออชินะ อันมีขนอ่อนนุ่ม

เครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด

เครื่องลาดมีเพดาน เครื่องลาดมีหมอนข้าง

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๐๙) ๖. ภิกษุเว้นขาดจากการประกอบการ

ประดับตกแต่งร่างกาย อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังขวนขวายประกอบการประดับตกแต่งร่างกาย

อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัวเห็นปานนี้ คือ

อบตัวไคลอวัยวะ อาบน้ำหอม นวด ส่องกระจก

แต้มตา ทัดดอกไม้ ประเทืองผิว ผัดหน้า ทาปาก

ประดับข้อมือ สวมเกี้ยว ใช้ไม้เท้า ใช้กลักยา

ใช้ดาบ ใช้ขรรค์ ใช้ร่ม สวมรองเท้าประดับวิจิตร

ติดกรอบหน้า ปักปิ่น

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๔ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

ใช้พัดวาลวีชนี นุ่งห่มผ้าขาว นุ่งห่มผ้ามีชาย

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๐) ๗. ภิกษุเว้นขาดจากติรัจฉานกถา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังประกอบติรัจฉานกถาเห็นปานนี้ คือ

พูดเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์

เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ

เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม

เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร

เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ

เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว

เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล

เรื่องความเจริญและความเสื่อมด้วยประการนั้น ๆ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๑) ๘. ภิกษุเว้นขาดจากการกล่าวคำแก่งแย่งกัน

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังขวนขวายกล่าวถ้อยคำแก่งแย่งกันเห็นปานนี้ เช่นว่า

ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึง

ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร

ท่านปฏิบัติผิด ข้าพเจ้าปฏิบัติถูก

ถ้อยคำของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่านไม่เป็นประโยชน์

คำที่ควรจะกล่าวก่อน ท่านกลับกล่าวภายหลัง

คำที่ควรจะกล่าวภายหลัง ท่านกลับกล่าวก่อน

ข้อที่ท่านเคยช่ำชองมา ผันแปรไปแล้ว

ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้แล้ว

ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว ท่านจงถอนวาทะเสีย

มิฉะนั้นจงแก้ไขเสีย ถ้าสามารถ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๒) ๙. ภิกษุเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรม และการรับ

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๕ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

ใช้ เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังขวนขวายประกอบทูตกรรม

และการรับใช้เห็นปานนี้ คือ

รับเป็นทูตของพระราชา ราชมหาอำมาตย์

กษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี และกุมารว่า

ท่านจงไปในที่นี้ ท่านจงไปในที่โน้น

ท่านจงนำเอาสิ่งนี้ไป ท่านจงนำเอาสิ่งนี้ในที่โน้นมา ดังนี้

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๓) ๑๐. ภิกษุเว้นขาดจากการพูดหลอกลวง

และการพูดเลียบเคียง

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังพูดหลอกลวง พูดเลียบเคียง พูดหว่านล้อม

พูดและเล็ม แสวงหาลาภด้วยลาภ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

 

จบมัชฌิมศีล

 

มหาศีล

 

          (๑๑๔) ๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ

โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายฟ้าผ่าเป็นต้น

ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า

ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน

ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ

ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ

ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ

ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ

ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก

เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๖ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมงป่อง

เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก

เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ

เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง

          (๑๑๕) ๒. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะผ้า

ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะศาสตรา

ทายลักษณะดาบ ทายลักษณะศร

ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ

ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ

ทายลักษณะกุมาร ทายลักษณะกุมารี

ทายลักษณะทาส ทายลักษณะทาสี

ทายลักษณะช้าง ทายลักษณะม้า

ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ

ทายลักษณะโค ทายลักษณะแพะ

ทายลักษณะแกะ ทายลักษณะไก่

ทายลักษณะนกกระทา ทายลักษณะเหี้ย

ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า ทายลักษณะมฤค

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๖) ๓. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

ดูฤกษ์ยาตราทัพ ว่าพระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก

พระราชาภายในจักยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย

พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด พระราชาภายในจักถอย

พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัย

พระราชาภายนอกจักมีชัย พระราชาภายในจักปราชัย

พระราชาองค์นี้จักมีชัย พระราชาองค์นี้จักปราชัย

เพราะเหตุนี้ ๆ

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๗ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๗) ๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์บางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส

จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินถูกทาง

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง

ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาวนักษัตรจักเดินผิดทาง

จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักขึ้น

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักมัวหมอง

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง

จันทรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้

นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดาวนักษัตรเดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้

มีอุกกาบาตจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้

แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรตกจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผลเป็นอย่างนี้

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๘) ๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๘ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

ศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง

จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก

จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้

หรือนับคะแนนคำนวณ

นับประมวลแต่งกาพย์ โลกายตศาสตร์

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๑๙) ๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ

โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ให้ฤกษ์วิวาหมงคล

ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง

ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์

ดูโชคดี ดูเคราะห์ ให้ยาผดุงครรภ์

ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง

ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ให้หูไม่ได้ยินเสียง

เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว

เป็นหมอทรงเจ้า บวงสรวงพระอาทิตย์

บวงสรวงท้าวมหาพรหม

ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๒๐) ๗.  ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา

เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก

ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว

ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ

ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี

สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน

ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย

ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่

พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ

ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย

ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง

ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู

ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยา

 

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๙ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

ทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา

ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ชะแผล

แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

          (๑๒๑) มหาบพิตร ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้

ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหน ๆ เลย

เพราะศีลสังวรนั้นเปรียบเหมือนกษัตริย์

ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว

ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหน ๆ เพราะราชศัตรูนั้น

มหาบพิตร ภิกษุก็ฉันนั้นนั่นแล

สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว

ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหน ๆ

เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้

ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน

มหาบพิตร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล

ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล.

 

จบมหาศีล

 

http://www.tripitaka91.com/11-309-8.html