ผู้ที่ชักชวนเข้าใน ธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก
- ฮิต: 6994
ข้อมูลจาก พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
(พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน) และ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๖) (ปกสีแดง)
ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี
ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก
“ ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ๑
ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑
คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก ”
เล่ม ๓๓ หน้า ๑๙๑-๑๙๓ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๑๖๕-๑๖๗ (ปกสีแดง)
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒
วรรคที่ ๓
ว่าด้วยบุคคลคนเดียวที่เกิดขึ้นแล้วยังความพินาศแก่โลกเป็นต้น
[๑๙๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลคนเดียว เมื่อเกิดขึ้นในโลก
ย่อมเกิดขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย
บุคคลคนเดียวคือใคร
คือบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นวิปริต
เขาทำให้คนเป็นอันมากออกจากสัทธรรมแล้ว
ให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียวนี้แล
เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความฉิบหาย
มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
[๑๙๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียว
เมื่อเกิดขึ้นในโลกย่อมเกิดขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย
บุคคลคนเดียวคือใคร
คือบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นไม่วิปริต
เขาทำให้คนเป็นอันมากออกจากอสัทธรรมแล้ว ให้ตั้งอยู่ในสัทธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียวนี้แล
เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
[๑๙๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๙๒ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)
ข้อหนึ่ง ซึ่งจะมีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐินี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง.
[๑๙๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราไม่เล็งเห็นบุคคลอื่นแม้คนเดียว
ที่ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เหมือนกับโมฆบุรุษชื่อว่ามักขลินี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนบุคคลพึงทิ้งลอบไว้ที่ปากอ่าว
เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์
เพื่อความเสื่อม ความพินาศแก่ปลาเป็นอันมาก. แม้ฉันใด
โมฆบุรุษชื่อว่ามักขลิ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
เป็นดังลอบสำหรับดักมนุษย์ เกิดขึ้นแล้วในโลก
เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์
เพื่อความเสื่อม เพื่อความพินาศแก่สัตว์เป็นอันมาก.
[๑๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ๑
ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑
คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.
[๑๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ๑
ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑
คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.
[๑๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ทายกพึงรู้จักประมาณในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว
ปฏิคาหกไม่จำต้องรู้จักประมาณ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๙๓ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)
[๑๙๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ปฏิคาหกพึงรู้จักประมาณในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี
ทายกไม่จำต้องรู้จักประมาณ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.
[๑๙๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้ที่ปรารภความเพียรในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.
[๒๐๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมอยู่เป็นทุกข์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.
[๒๐๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้ที่เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ย่อมอยู่เป็นสุข
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.
[๒๐๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้ปรารภความเพียรในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมอยู่เป็นสุข
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.
[๒๐๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนคูถแม้เพียงเล็กน้อยก็มีกลิ่นเหม็น ฉันใด
ภพแม้เพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เราไม่สรรเสริญ โดยที่สุดแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย.
[๒๐๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนมูตร...
น้ำลาย...
หนอง...
เลือดแม้เพียงเล็กน้อย ก็มีกลิ่นเหม็น แม้ฉันใด
ภพแม้เพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เราไม่สรรเสริญ โดยที่สุดแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย.
จบวรรคที่ ๓