ผู้ที่ชักชวนเข้าใน ธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก

ข้อมูลจาก พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

(พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน) และ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๖) (ปกสีแดง)

 

ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี

ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก

 

“ ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ๑

ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑

คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก 

 

เล่ม ๓๓ หน้า ๑๙๑-๑๙๓ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๑๖๕-๑๖๗ (ปกสีแดง)

พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒

 

วรรคที่ ๓

ว่าด้วยบุคคลคนเดียวที่เกิดขึ้นแล้วยังความพินาศแก่โลกเป็นต้น

 

          [๑๙๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

บุคคลคนเดียว เมื่อเกิดขึ้นในโลก

ย่อมเกิดขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล

ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก

เพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล

เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย

บุคคลคนเดียวคือใคร

คือบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นวิปริต

เขาทำให้คนเป็นอันมากออกจากสัทธรรมแล้ว

ให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียวนี้แล

เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล

ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความฉิบหาย

มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย.

          [๑๙๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียว

เมื่อเกิดขึ้นในโลกย่อมเกิดขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูล

เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก

เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย

บุคคลคนเดียวคือใคร

คือบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นไม่วิปริต

เขาทำให้คนเป็นอันมากออกจากอสัทธรรมแล้ว ให้ตั้งอยู่ในสัทธรรม

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียวนี้แล

เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล

เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก

เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย.

          [๑๙๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

 

พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๙๒ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

ข้อหนึ่ง ซึ่งจะมีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐินี้เลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง.

          [๑๙๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เราไม่เล็งเห็นบุคคลอื่นแม้คนเดียว

ที่ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล

ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก

เพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล

เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย

เหมือนกับโมฆบุรุษชื่อว่ามักขลินี้เลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เปรียบเหมือนบุคคลพึงทิ้งลอบไว้ที่ปากอ่าว

เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์

เพื่อความเสื่อม ความพินาศแก่ปลาเป็นอันมาก. แม้ฉันใด

โมฆบุรุษชื่อว่ามักขลิ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล

เป็นดังลอบสำหรับดักมนุษย์ เกิดขึ้นแล้วในโลก

เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์

เพื่อความเสื่อม เพื่อความพินาศแก่สัตว์เป็นอันมาก.

          [๑๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ๑

ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑

คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.

          [๑๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ๑

ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑

คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.

          [๑๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ทายกพึงรู้จักประมาณในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว

ปฏิคาหกไม่จำต้องรู้จักประมาณ ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.

 

พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๙๓ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)

 

          [๑๙๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ปฏิคาหกพึงรู้จักประมาณในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี

ทายกไม่จำต้องรู้จักประมาณ ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.

          [๑๙๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ผู้ที่ปรารภความเพียรในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว

ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.

          [๒๐๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ผู้เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมอยู่เป็นทุกข์

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.

          [๒๐๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ผู้ที่เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ย่อมอยู่เป็นสุข

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว.

          [๒๐๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ผู้ปรารภความเพียรในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมอยู่เป็นสุข

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว.

          [๒๐๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เปรียบเหมือนคูถแม้เพียงเล็กน้อยก็มีกลิ่นเหม็น ฉันใด

ภพแม้เพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้นเหมือนกัน

เราไม่สรรเสริญ โดยที่สุดแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย.

          [๒๐๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เปรียบเหมือนมูตร...

น้ำลาย...

หนอง...

เลือดแม้เพียงเล็กน้อย ก็มีกลิ่นเหม็น แม้ฉันใด

ภพแม้เพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้นเหมือนกัน

เราไม่สรรเสริญ โดยที่สุดแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย.

 

จบวรรคที่  ๓

 

http://www.tripitaka91.com/33-191-1.html

D-study.com

ช่องทางการติดต่อ

facebook FaceBook

phone 0894453994