ตัวอย่างนิตยภัตรที่ถูกต้องในพระไตรปิฎก
- ฮิต: 3827
ข้อมูลจาก พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
(พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน) และ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๖) (ปกสีแดง)
ตัวอย่างนิตยภัตรที่ถูกต้องในพระไตรปิฎก
เล่ม ๒๑ หน้า ๓๓๕-๓๓๖ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๓๑๙-๓๒๐ (ปกสีแดง)
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒
เล่ม ๙ หน้า ๒๖๐ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๒๕๘ (ปกสีแดง)
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒
เล่ม ๔ หน้า ๔๗๖ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๔๘๕ (ปกสีแดง)
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒
เล่ม ๔๓ หน้า ๔๒๓-๔๒๕ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๓๒๖-๓๒๘ (ปกสีแดง)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔
เล่ม ๒๑ หน้า ๓๓๕-๓๓๖ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๓๑๙-๓๒๐ (ปกสีแดง)
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒
บางส่วนของ โฆฏมุขสูตร
อนึ่ง มีเบี้ยเลี้ยงประจำ
ที่พระเจ้าอังคราชโปรดพระราชทานแก่ข้าพเจ้าทุกวัน
ข้าพเจ้าขอถวายส่วนหนึ่งจากเบี้ยเลี้ยงประจำนั้นแก่ท่านอุเทน.
[๖๔๕] อุ. ดูก่อนพราหมณ์
ก็พระเจ้าอังคราชโปรดพระราชทานอะไร
เป็นเบี้ยเลี้ยงประจำทุกวันแก่ท่าน.
โฆ. ข้าแต่ท่านอุเทน
พระเจ้าอังคราชโปรดพระราชทานกหาปณะ ๕๐๐
เป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ข้าพเจ้า.
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ ๓๓๖ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)
อุ. ดูก่อนพราหมณ์
การรับทองและเงิน
ไม่สมควรแก่อาตมาทั้งหลาย.
โฆ. ข้าแต่ท่านอุเทน
ถ้าทองและเงินนั้นไม่สมควร
ข้าพเจ้าจะให้สร้างวิหารถวายท่านอุเทน.
อุ. ดูก่อนพราหมณ์
ถ้าแลท่านปรารถนาจะให้สร้างวิหารถวายอาตมา
ก็ขอให้สร้างโรงเลี้ยงถวายแก่สงฆ์
ในเมืองปาตลีบุตรเถิด.
โฆ. ด้วยข้อที่ท่านอุเทนชักชวนข้าพเจ้าในสังฆทานนี้
ข้าพเจ้ามีใจชื่นชมยินดีเหลือประมาณ
ข้าแต่ท่านอุเทน
ข้าพเจ้าจะให้สร้างโรงเลี้ยงถวายแก่สงฆ์ในเมืองปาตลีบุตร
ด้วยเบี้ยเลี้ยงประจำส่วนนี้ด้วย
ด้วยเบี้ยเลี้ยงประจำส่วนอื่นด้วย.
ครั้งนั้นแล
โฆฏมุขพราหมณ์ให้จัดสร้างโรงเลี้ยง
ถวายแก่สงฆ์ในเมืองปาตลีบุตร
ด้วยเบี้ยเลี้ยงประจำส่วนนี้และส่วนอื่น
โรงเลี้ยงนั้น เดี๋ยวนี้เรียกว่า โฆฏมุขี ฉะนี้แล.
จบ โฆฏมุขสูตรที่ ๔
http://www.tripitaka91.com/21-335-16.html
“ภัตประจำ เรียกว่า นิตยภัต.”
เล่ม ๙ หน้า ๒๖๐ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๒๕๘ (ปกสีแดง)
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒
บางส่วนของ เสนาสนักขันธกวรรณนา
[ภัตอีก ๓ ชนิด]
ภัตอื่นอีก ๓ ชนิดเหล่านี้ คือ ธุวภัต กุฏิภัต วารกภัติ.
ในภัต ๓ ชนิดนั้น
นิตยภัต เรียกว่า ธุวภัต.
ธุวภัตนั้น มี ๒ อย่าง คือ
ของสงฆ์ ๑.
ของเฉพาะบุคคล ๑.
ใน ๒ อย่างนั้น
ธุวภัตใด อันทายกถวายให้เป็นประจำว่า
ข้าพเจ้าถวายธุวภัตแก่สงฆ์ ดังนี้
ธุวภัตนั้น มีคติอย่างสลากภัตเหมือนกัน.
ก็แล ธุวภัตนั้น อันทายกบอกถวายว่า
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย จงรับภิกษาประจำของข้าพเจ้า ดังนี้
ย่อมควรแม้แก่ภิกษุทั้งหลายผู้ถือปิณฑปาติกธุดงค์.
แม้ครั้นเมื่อธุวภัตเป็นของเฉพาะบุคคล อันทายกกล่าวว่า
ข้าพเจ้าถวายธุวภัต แก่ท่านทั้งหลาย ดังนี้
ธุวภัตนั้น ไม่ควรแก่ภิกษุทั้งหลายผู้ถือปิณฑปาติกธุดงค์เท่านั้น.
แต่เมื่อเขากล่าวว่า
ท่านทั้งหลายจงรับภิกษาประจำของข้าพเจ้า ดังนี้ ควรอยู่,
ภิกษุผู้ถือปิณฑปาติกธุดงค์พึงยินดี.
แม้ถ้าว่าภายหลัง เมื่อล่วงไปแล้ว ๒- ๓ วัน เขากล่าวว่า
ท่านทั้งหลายจงรับธุวภัต
ภัตนั้นควรแก่ภิกษุผู้ถือปิณฑปาติกธุดงค์
เพราะเป็นของที่เธอรับไว้ดีแล้วในวันแรก.
http://www.tripitaka91.com/9-260-3.html
เล่ม ๔ หน้า ๔๗๖ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๔๘๕ (ปกสีแดง)
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒
บางส่วนของ คณโภชนสิกขาบทที่ ๒
ภัตประจำ เรียกว่า นิตยภัต.
ชาวบ้านพูดว่า นิมนต์รับนิตยภัต
จะรับร่วมกันมากรูป ก็ควร.
แม้ในสลากภัตเป็นต้น ก็นัยนี้นั่นแล.
http://www.tripitaka91.com/4-476-9.html
เล่ม ๔๓ หน้า ๔๒๓-๔๒๕ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๓๒๖-๓๒๘ (ปกสีแดง)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔
๒๖. พราหมณวรรควรรณนา
๑. เรื่องพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก [๒๖๔]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
" ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม " เป็นต้น.
พวกภิกษุรังเกียจวาทะของพราหมณ์
ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นฟังธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
มีจิตเลื่อมใส เริ่มตั้งนิตยภัตเพื่อภิกษุมีประมาณ ๑๖ รูป
ไว้ในเรือนของตน รับบาตรในเวลาภิกษุทั้งหลายมาแล้ว กล่าวว่า
" ขอพระอรหันต์ทั้งหลาย ผู้เจริญ จงมา,
ขอพระอรหันต์ทั้งหลาย ผู้เจริญ จงนั่ง"
เมื่อจะกล่าวคำอย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็กล่าวคำประกอบเฉพาะด้วยวาทะว่าพระอรหันต์เท่านั้น.
บรรดาภิกษุเหล่านั้น พวกที่เป็นปุถุชนคิดกันว่า
" พราหมณ์นี้ มีความสำคัญในพวกเราว่าเป็นพระอรหันต์"
พวกที่เป็นพระขีณาสพก็คิดว่า
" พราหมณ์นี้ ย่อมรู้ความที่พวกเราเป็นพระขีณาสพ,"
ภิกษุแม้ทั้งหมดนั้น ประพฤติรังเกียจอยู่อย่างนี้
จึงไม่ไปสู่เรือนของพราหมณ์นั้น.
เขาเป็นผู้มีทุกข์เสียใจ คิดว่า
" ทำไมหนอแล พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่มา"
จึงไปยังวิหาร ถวายบังคมพระศาสดา
กราบทูลเนื้อความนั้น.
ไม่เป็นอาบัติเพราะไม่ยินดีต่อวาทะนั้น
พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้ว ตรัสถามว่า " ภิกษุ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ ๔๒๔ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)
ทั้งหลาย ข้อนั้นอย่างไร "
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเนื้อความนั้นแล้ว, จึงตรัสว่า
" ภิกษุทั้งหลาย ก็พวกเธอยังยินดีวาทะว่า
เป็นพระอรหันต์ อยู่หรือ."
พวกภิกษุ. พวกข้าพระองค์ไม่ยินดี พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เมื่อเป็นเช่นนั้น,
คำนั้น เป็นคำกล่าวด้วยความเลื่อมใสของมนุษย์ทั้งหลาย,
ภิกษุทั้งหลาย ไม่เป็นอาบัติในเพราะการกล่าวด้วยความเลื่อมใส;
ก็แลอีกอย่างหนึ่ง
ความรักใคร่ในพระอรหันต์ทั้งหลายของพราหมณ์ มีประมาณยิ่ง;
เหตุนั้น แม้พวกเธอตัดกระแสตัณหา
แล้วบรรลุพระอรหันต์นั่นแล ควร"
ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
๑. ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม กาเม ปนูท พฺราหฺมณ
สงฺขารานํ ขยํ ตฺวา อกตญฺญูสิ พฺราหฺมณ.
" พราหมณ์ ท่านจงพยายามตัดกระแสตัณหา,
จงบรรเทากามทั้งหลายเสีย,
ท่านรู้ความสิ้นไปแห่งสังขารทั้งหลายแล้ว
เป็นผู้รู้พระนิพพานอันอะไร ๆ กระทำไม่ได้นะ พราหมณ์."
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น
บทว่า ปรกฺกมฺม เป็นต้น ความว่า
ขึ้นชื่อว่ากระแสตัณหา ใคร ๆ ไม่อาจเพื่อจะตัดได้
ด้วยความพยายามมีประมาณน้อย;
เหตุนั้นท่านจงพยายามตัดกระแสนั้น
ด้วยความบากบั่นอย่างใหญ่ ซึ่งสัมปยุตด้วยญาณ
คือจงบรรเทา ได้แก่ จงขับไล่กามแม้ทั้งสองเสียเถิด.
คำว่า พฺราหฺมณ นั้น เป็นคำร้องเรียกพระขีณาสพทั้งหลาย.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ ๔๒๕ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)
บทว่า สงฺขารานํ ความว่า รู้ความสิ้นไปแห่งขันธ์ ๕.
บทว่า อกตญฺญู ความว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น
ท่านจะเป็นผู้ชื่อว่าอกตัญญ.
เพราะรู้พระนิพพาน
อันอะไร ๆ บรรดาโลกธาตุทั้งหลาย
มีทองคำเป็นต้น ทำไม่ได้.
ในกาลจบเทศนา
ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก จบ.