คนพาล ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ คนที่ไม่รับรองตามธรรม เมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑
- ฮิต: 3383
ข้อมูลจาก พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
(พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน) และ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๖) (ปกสีแดง)
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
คนพาล ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ
คนที่ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑
คนที่ไม่รับรองตามธรรม เมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาล ๒ จำพวกนี้แล”
เล่ม ๓๓ หน้า ๓๔๕-๓๔๖ (ปกสีน้ำเงิน) / หน้า ๓๐๕-๓๐๖ (ปกสีแดง)
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒
พาลวรรคที่ ๓
สูตรที่ ๑
ว่าด้วยคนพาล ๒ จำพวก
[๒๖๗] ๒๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
คนพาล ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ
คนที่ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑
คนที่ไม่รับรองตามธรรม เมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาล ๒ จำพวกนี้แล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บัณฑิต ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ
คนที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑
คนที่รับรองตามธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิต ๒ จำพวกนี้แล.
จบสูตรที่ ๑
พาลวรรคที่ ๓
อรรถกถาสูตรที่ ๑
พาลวรรคที่ ๓ สูตรที่ ๑ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสติ ความว่า
ทำผิดแล้ว ไม่เห็นความผิดของตนว่า เราทำผิด
ได้แก่ ไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าทำผิดแล้ว
นำทัณฑกรรมมาขอขมาโทษ.
บทว่า อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ความว่า
เมื่อเขากล่าวอย่างนี้แล้วนำทัณฑกรรมมาขอขมาโทษ.
บทว่า ยถาธมฺมํ น ปฏิคฺคณฺหาติ ความว่า
เมื่อเขากล่าวว่า ข้าพเจ้าจักไม่กระทำอย่างนี้
พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต
เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๓๔๖ (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๕) (ปกสีน้ำเงิน)
อีก ขอท่านโปรดยกโทษแก่ข้าพเจ้า ดังนี้
ก็ไม่ยอมรับการขอขมานี้ตามธรรม คือตามสมควร
คือไม่กล่าวว่า จำเดิมแต่นี้ ท่านอย่าได้ทำอย่างนี้อีก
เรายกโทษแก่ท่าน ดังนี้.
ธรรมฝ่ายขาว
พึงทราบโดยนัยตรงกันข้ามกับที่กล่าวแล้ว.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑